THE TRANSITION OF WEATHER

ความร้อนแรงขององศาอุณหภูมิในบ้านเรา ส่งผลโดยตรงกับการเลือกหาไอเท็มในการแต่งกายของทุกคน แน่นอนว่าคงจะไม่มีใครใส่สเว็ทเตอร์ผ้าวูล หรือพันผ้าพันคอเดินออกไปช้อปปิ้ง หรือกินข้าวท่ามกลางสภาพอากาศที่ร้อนจัดอยู่ ณ ขณะนี้หรอก ว่าแต่เราจะมีวิธีการปรับเปลี่ยนเครื่องแต่งกายอย่างไรให้เข้ากับฤดูกาล โดยยังคงไว้ซึ่งสไตล์ที่แตกต่างออกไปจากเดิม

 

 

 

การเลือกเสื้อตัวนอก เช่น โค้ท แจ้คเก็ต สูท หรือเบลเซอร์ ไอเท็มที่เรียกได้ว่าเป็นอุปสรรคสำหรับหน้าร้อนมากถึงมากที่สุดก็ว่าได้ ดังนั้นวิธีการแก้ไขที่ดีที่สุดคือ การเลือกซื้อโดยคำนึงถึงวัสดุในการผลิตเป็นหลัก เช่น เนื้อผ้าที่มีความบางเบาสามารถระบายอากาศได้ดี รวมถึงดีไซน์ที่ไม่ต้องใส่ดีเทลมากมาย เน้นถึงประโยชน์ใช้สอยและการใช้งานจริงเป็นหลัก

 

 

เสื้อตัวใน จะเป็นเสื้อเชิ้ตหรือเสื้อยืดควรเลือกเนื้อผ้าที่มีคุณสมบัติระบายความร้อนได้ดี เช่น ผ้าคอตตอน หรือผ้าใยสังเคราะห์ต่างๆ ทั้งนี้จะช่วยให้สบายตัวและรู้สึกทะมัดทะแมงมากกว่าเนื้อผ้าชนิดอื่นๆ กางเกงจากเดิมที่เคยใส่ยีนส์หรือชิโน่เนื้อหนาก็ลองเปลี่ยนมาเป็นกางกางเกงผ้าที่มีความบางเบามากขึ้น อาจจะเลือกเป็นโทนสีพื้นหรือสีพาสเทล ซึ่งจะช่วยในเรื่องของความสบายตาของเราได้เช่นกัน

 

 

 

ส่วนเรื่องของรองเท้า จากเดิมที่เคยเลือกใช้เป็นรองเท้าหนัง ลองปรับมาเป็นรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าแซนเดิล เนื่องจากรองเท้าหนังทั่วไปจะมีเนื้อที่ค่อนข้างหนาและยากต่อการระบายอากาศ ต่างจากวัสดุที่ใช้หนังกลับหรือผ้าจะมีการระบายอากาศได้ดีมากกว่า

 

 

สังเกตได้ว่าตั้งแต่ข้อที่หนึ่งมานั้น สิ่งที่เราให้ความสำคัญนอกเหนือจากความสวยงามของเสื้อผ้าคือเรื่องของเนื้อผ้า การเลือกเนื้อผ้าอย่างไรให้เหมาะสมกับสภาพอากาศที่เกิดขึ้น และสามารถนำมาปรับใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน นอกจากจะทำให้คุณรู้สึกไม่อึดอัดเมื่อต้องสวมใส่ออกไปเรียน ประชุม หรือพบปะกับลูกค้าแล้ว ไอเท็มเหล่านี้ก็จะช่วยส่งเสริมบุคลิกภาพของคุณได้เช่นกัน อีกทั้งยังรักษาสไตล์ที่แสดงถึงความเป็นตัวตนของแต่ละบุคคลควบคู่กันไปได้อีกด้วย

 

 

หน้าร้อนแบบนี้ก่อนจะตัดสินใจซื้อหาอะไร ควรใช้สติกันซักนิด ไม่ใช่สักแต่ว่าจะซื้อเพราะของชิ้นนี้ดีหรือของสิ่งนั้นสวย คุณสมบัติ และประโยชน์ใช้สอยคงต้องมาเป็นอันดับแรกๆ ในการตัดสินใจ ว่าสินค้าชนิดนี้คุ้มค่า และคู่ควรต่อการใช้จ่ายหรือไม่มากกว่านั้นเหมาะสมกับสภาพอากาศภายนอกมากน้อยเพียงใด และสุดท้ายก็ขึ้นอยู่กับตัวคุณเองด้วยว่าสิ่งที่ซื้อมานั้นเหมาะสมกับตัวของคุณแค่ไหน