METROSOCIETY RECAP

• Menswear Fall/Winter 2024

BY Aukris

  • 31 มกราคม 2567
  • 10,156

ผ่านพ้นไปแล้วกับแฟชั่นโชว์คอลเลคชั่นเครื่องแต่งกายผู้ชายฤดูกาลล่าสุดกับฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2024 ที่ Paris กับ Milan Fashion Week ซึ่งแต่ละแบรนด์ดังต่างขนไอเดีย แรงบันดาลใจ และเทคนิคการตัดเย็บเฉพาะตัว บอกเล่าเรื่องราวผ่านงานดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์ ลวดลาย และสีสัน ที่สื่อถึงการเปลี่ยนผ่านและการเริ่มต้นใหม่ของฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง ซึ่งความน่าสนใจสำหรับคอลเลคชั่นนี้ นอกจากความเป็น Sporty ที่ดูเหมือนว่าจะเป็นคีย์หลักของหลาย ๆ แบรนด์ ในส่วนของเครื่องแต่งกายอื่น ๆ จะมีหน้าตาเป็นอย่างไร ไอเทมชิ้นใดที่น่าจับตามอง เรา METROSOCIETY จะมารีแคปให้ดูพร้อม ๆ กัน

 

HERMÈS

ความเรียบหรู ที่ดูคลาสสิค คงเป็นหัวใจสำคัญหลักในการเดินทางของแบรนด์ Hermés เสมอมา ซึ่งในซีซั่นนี้ก็เช่นกัน ผู้กุมบังเหียนอย่าง Véronique Nichanian ต้องการคงไว้ซึ่งความ Timeless ของเครื่องแต่งกาย แต่ยังคงสอดแทรกกลิ่นอายของความเป็นสปอร์ตผ่านฟอร์มของเสื้อผ้าและการนำลวดลายต่าง ๆ เช่นลายตารางมาสไตลิ่งให้เกิดความน่าสนใจมากขึ้น

 

 

การเลือกใช้โทนสีของ Hermés อันชาญฉลาดของแอร์เมส ผ่านไอเทมอย่างเช่น เบลเซอร์และโค้ทยาวสีดำที่มีเท็กซ์เจอร์แวววาวสามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าเมื่อสะท้อนกับไฟรันเวย์ คาร์ดิแกนผ้าถักตกแต่งด้วยอะไหล่บริเวณอกซ้าย จั้มพ์เปอร์แจ็คเก็ตสีโอลีฟ ไบเกอร์แจ็คเก็ตหนัง Double Breasted โททอลลุคสูทลายตารางสุดเนี๊ยบ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้คือกระเป๋าสุดคลาสสิครุ่น Haut à courroies ที่ถูกนำมาดัดแปลงด้วยดีเทลงานตัดต่อ (Patchwork) ซึ่งถือว่าเป็นทางถนัดของแบรนด์เครื่องหนังระดับตำนาน

 

 

DOLCE & GABBANA

 

การผสมผสานความมินิมอลคลาสสิคกับความอ่อนหวานแบบเฟมินีน ผ่านการตีความของ Domenico Dolce และ Stefano Gabbana ที่ต้องการให้ทุกคนหวนระลึกถึงเครื่องแต่งกายสุดปราณีตในแบบฉบับของงานเทลเลอร์ โดยเลือกใช้สีดำเป็นสีหลักในการเล่าเรื่อง เติมแต่งด้วยรายละเอียดของเนื้อผ้าที่มีลักษณะมันวาว หรือแม้แต่ลูกไม้ชั้นดีเพื่อลดทอนความเคร่งขรึม และก่อให้เกิดสัมผัสทางความรู้สึกที่มีความลุ่มลึก น่าค้นหา

 

แน่นอนว่าเมื่อพูดถึงแบรนด์ Dolce and Gabbana ไอเทมแรกต้องเป็นโค้ทตัวยาวสีดำขนเฟอร์ ซึ่งความพิเศษคือวัสดุที่เล่นกับแสงสร้างความโดดเด่นตั้งแต่แรกเห็น เชิ้ตซีทรูตัดต่อผ้าลูกไม้ เชิ้ตขาวคอปกตกแต่งโบว์ระบาย เชิ้ตลาย Leopard ที่มาพร้อมกับดีเทลด้านหน้า ทักซิโด้ประดับเลื่อมปกหนัง รวมถึงแจ็คเก็ตสูทกำมะหมี่สีดำเล่นไฟ ทั้งหมดนี้การันตี DNA ความเป็น Dolce and Gabbana ที่หาตัวจับยากบนรันเวย์

 

 

LOEWE

เรื่องราวของศิลปะในงานของ Richard Hawkins ถูกตีความโดย Jonathan Anderson หนึ่งในหัวเรือใหญ่แบรนด์ ซึ่งซีซั่นนี้โจนาธานได้ผสมผสานงานศิลปะจากศิลปินสุดฮิปชาวอเมริกันลงไปในจิตวิญญาณเครื่องแต่งกายที่เป็นไอคอนิก ผ่านสีสันที่ดูมีความฉูดฉาด เผยถึงความเป็น ‘มาสคิวลีน’ ที่มีกลิ่นอายของความเป็นกรันจ์ได้อย่างลงตัว

 

 

ปฏิเสธไม่ได้ว่า Loewe คอลเลคชั่นนี้ทำมาเอาใจชายหนุ่มที่มีอินเนอร์แบบเด็กไฮสคูล แสบซ่า ดังนั้นไอเทมต่าง ๆ ที่จะนำมาบอกเล่าก็จะเริ่มตั้งแต่ แจ็คเก็ต และคาร์ดิแกนตัวยาว ในรูปแบบการทอผ้าที่มีทั้งความ Abstract มากสีสัน เสียดสีสังคม เชิ้ตที่เย็บติดกับคาร์ดิแกนและโค้ท เชิ้ตเดนิมดีเทลผูกโบ เสื้อเสว็ทเตอร์ผ้า Knit ลวดลาย Tribal โค้ทสีเขียวมรกตหนัง Exotic Skin แจ็คเก็ตขนสัตว์ผูกโบสีเขียวนีออน รวมไปถึงสนีกเกอร์ที่เย็บติดกับถุงเท้า และกระเป๋าทรงไอคอนิกโท้ตสีสะท้อนแสง

 

 

DIOR

จากแรงบันดาลใจในท่วงท่าและลีลาการเต้นของสุดยอดนักเต้นบัลเลต์ระดับโลก Rudolf Nureyev สู่ชิ้นงานในคอลเลคชั่นฤดูใบไม่ร่วงและฤดูหนาว 2024 ที่ทาง Kim Jones ครีเอทีฟไดเร็คเตอร์คนดัง สื่อสารผ่านเครื่องแต่งกายของบุรุษที่แฝงไว้ด้วยความเรียบหรู เฟมินิน เน้นสัดส่วน โชว์ความโค้งเว้าของสรีระ โดยเลือกใช้แมททีเรียลที่เบาสบาย ให้ความอบอุ่น เช่นผ้า Knit สามารถสวมใส่ได้จริงในชีวิตประจำวัน

 

เมื่อพูดถึงแรงบันดาลใจที่มาจากนักเต้นบัลเลต์ สิ่งแรกที่สะดุดตาคือแจ็คเก็ตดิ้นด้วยเส้นเลื่อม เสื้อถักจั้มพ์สูทซิปหน้า กางเกงขาสั้นขาบานที่ถูกถอดแบบมาจากกระโปรงทรงทูทู่ เสื้อท็อปแขนกุดหนังสีน้ำตาล ในส่วนของไลน์แอคเซสเซอรี่ส์อย่างกระเป๋าทรงคลาสสิคกับการเพิ่มเติมดีเทลด้วยแมททีเรียลที่มีความแตกต่าง ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้หนังจระเข้ การฉลุลวดลายจากช่างฝีมือ เทคนิคการปักตามสไตล์ของแบรนด์ รวมไปถึงรองเท้าบัลเลต์ที่เรียกได้ว่าเป็นการฉีกกฏเกณฑ์การแต่งตัวของ Menswear ที่ผ่าน ๆ มาของเมซงดิออร์ได้อย่างสิ้นเชิง

 

 

 

PRADA

บอกลาความน่าเบื่อของภาพจำหนุ่มออฟฟิศกับคอลเลคชั่นฤดูหนาว 2024 ที่ทาง Prada โดย Raf Simons ที่มาครั้งนี้เรียกได้ว่าเอาความเป็นตัวเองมาผนวกกับความเป็น Prada ได้อย่างลงตัว สังเกตได้จากฟอร์มและสไตลิ่งที่เทียบเคียงกับโชว์ที่ผ่านมาของตัวเขาเอง แรงบันดาลใจหลักในการทำงานครั้งนี้คือการตีความผ่าน Officewear หรือชุดพนักงานออฟฟิศ หากแต่ว่ามีการแต่งเติมด้วยดีเทลและการเลือกใช้แมททีเรียลที่มีความหลากหลายมากขึ้น สามารถสวมใส่ได้จริงทั้งในที่ทำงานหรือแม้แต่การออกไปพบปะผู้คน ปาร์ตี้ หรือสวมใส่ออกไปท่องเที่ยว ตะลุยโลกกว้างได้ในเวลาเดียวกัน

 

เริ่มต้นด้วยเสื้อแจ็คเก็ตสูททรงคลาสสิคผ้าแคชเมียร์ที่มาพร้อมกับหมวกบีนนี่สีสันสะดุดตา คาร์ดิแกนเข้ารูปสีแดงผ้านิท เสว็ทเตอร์คอเต่าสีเหลืองมาสตาร์ด นอกจากนั้นยังมีไอเทมสไตล์กะลาสี ไม่ว่าจะเป็นแจ็คเก็ตหนัง และแจ็คเก็ตเซลล์ลิ่ง ที่มาพร้อมกับหมวกทรงกัปตัน (Navy) ที่สื่อถึงความต้องการที่จะหลีกหนีจากความวุ่นวายรอบตัวและได้ออกไปผจญภัย

 

 

VALENTINO

การกลับมาอีกครั้งของเมซงใหญ่อย่าง Valentino ที่ห่างหายไปหลังจากการแพร่ระบาดของโควิด ซึ่งในซีซั่นนี้เอง Pierpaolo Piccioli ผู้รับหน้าที่ดูแลคอลเลคชั่น บอกเล่าแรงบันดาลใจในการเดินทางย้อนกลับไปในความธรรมดาแบบมินิมอลที่ดูมีความคลาสสิค โก้หรู ไม่หวือหวา ผ่านคำจำกัดความของคำว่า le ciel ที่แปลว่าท้องฟ้าในภาษาฝรั่งเศส

 

ความโดดเด่นของไอเทมประจำฤดูกาลเริ่มต้นจากโค้ทตัวยาว และคาร์ดิแกนสีฟ้าสะดุดตา ฮู้ดดีสีขาวไอวอรี่ ไนลอนแจ็คเก็ตสีส้มสะท้อนแสง จั้มพ์เปอร์สีเขียวคาโม บรรดาเสื้อสูท เบลเซอร์สีเบสิคก็ยังคงเป็นหนึ่งไอคอนิกที่บ่งบอกถึงความปราณีต และเทคนิคการตัดเย็บชั้นครูของแบรนด์ และที่สำคัญกระเป๋าโท้ตหนึ่งใน A Must ไอเทม ของ Valentino ที่มาพร้อมกับแมททีเรียลทั้งที่เป็นหนังวัวและหนังกลับ มาพร้อมกับสีสันสดใส ตัดกับความเยือกเย็นของอากาศในฤดูหนาวได้เป็นอย่างดี

 

 

 

LOUIS VUITTON

เริ่มต้นกับแบรนด์เก่าแก่อย่างหลุยส์ วิตตอง กับครีเอทีฟไดเร็คไฟแรงอย่าง Pharrell Williams ที่พาเราหวนกลับไปรำลึกเมื่อครั้งฤดูกาล Men’s Fall/Winter 2021 ภายใต้การดูแลของดีไซน์เนอร์ผู้ล่วงลับ Virgil Abloh ที่เคยสร้างปรากฎการณ์กับการนำเสนอเครื่องแต่งกายในสไตล์เวสเทิร์นคาวบอย จนมาครั้งนี้ด้วยความหลงไหลและความชื่นชอบในมนต์เสน่ห์รากเหง้าของศิลปะวัฒนธรรมที่คล้าย ๆ กัน  Pharrell Williams ได้หยิบยกและต่อยอดเรื่องราวของชาว Western American ในภูมิลำเนาบ้านเกิดของเขาที่รัฐเวอร์จิเนีย โดยสอดแทรกดีเอ็นเอของความเป็น Louis Vuitton ผ่านการตัดเย็บ การปักถักร้อยสไตล์ตะวันตกดั้งเดิม ภายใต้ซิลลูเอ็ทและแพทเทิร์นของคาวบอย สะท้อนให้เห็นถึงตัวตนที่ว่าด้วยเรื่องของความมั่นใจ ความกล้าได้กล้าเสีย และรักอิสระ

 

 

ไอเทมที่โดดเด่นของคอลเลคชั่นนี้นอกจาแจ็คเก็ตเดนิมสีฟอก ประดับประดาไว้ด้วยลวดลายดอกไม้ที่มีความพลิ้วไหว และกระดุมหินสีฟ้าเทอร์คอยส์ แจ็คเก็ตหนังลวดลายกราฟฟิคปักหมุด บอมเบอร์แจ็คเก็ตลายตารางลายพราง เทรนช์โค้ทสีขาวไอวอรี่ปักดอกปลายพู่ แจ็คเก็ตสีเขียวคาโมหนัง Python หรือแม้แต่การเปลี่ยนโฉมกระเป๋ารุ่นตำนานอย่าง Speedy ด้วยแมททีเรียลใหม่ ๆ อย่างหนังจระเข้ Exotic Skin การเปลี่ยนโทนสีทั้งสีที่มีความฉูดฉาด ดูสนุกสนาน และการแต่งเติมด้วยแอคเซสเซอรี่ที่มีลักษณะเป็นฟรินจ์ระบาย และเครื่องเงิน เข็มขัด เพิ่มกลิ่นอายความเป็นเวสเทิร์นโดยสมบูรณ์ 

 

GIVENCHY

ถึงแม้ในฤดูกาลนี้ Givenchy จะไร้ซึ่งแม่ทัพใหญ่ในการออกแบบผลงาน แต่ความน่าสนใจยังคงเป็นการที่แบรนด์ดึงเอาความเป็นเอกลักษณ์หรือความไอคอนิกสมัยตั้งแต่ยุคทองของอูแบร์ (Hubert) ดีไซน์เนอร์ผู้ล่วงลับ มาตีความให้เกิดภาพใหม่ มีการสอดแทรกและปรับแต่งดีเทลความสนุกสนาน ขี้เล่น จากแมททีเรียล โทนสี การปัก รวมถึงซิลลูเอ็ทของเสื้อผ้าให้ดูเท่าทันกับยุคสมัยในปี 2024

 

 

ไอเทมที่ต้องพูดถึงประจำซีซั่นคือการนำเอาไอเทมสุดคลาสสิคอย่างเชิ้ตผ้าไหม (Silk) ที่ถูกฉาบด้วยลวดลายพิมพ์โคมระย้า (Chandelier) แจ็คเก็ตขนสัตว์สีเขียวสะดุดตาที่มาพร้อมกับผ้าคลุมศีรษะซึ่งเป็นหนึ่งในภาพจำในยุคแรกเริ่มของแบรนด์ เสื้อแขนกุดผ้าไหมสีขาวที่มาพร้อมกับขนสัตว์สังเคราะห์เลเยอร์ระบายด้านในที่ช่วยคอมพลีทดีเอ็นเอความเป็น Givenchy ตลอดระยะเวลาการเดินทางของแบรนด์

 

 

จะสังเกตได้ว่าคอลเลคชั่นในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาว 2024 ที่ผ่านมานี้ หลาย ๆ แบรนด์ยังคงนำเสนออัตลักษณ์ในความคลาสสิคและเสน่ห์ของอาภรณ์ หากแต่งเติมไว้ด้วยกลิ่นอายของความเป็นสปอร์ต สดใส มากล้นด้วยพลังงาน สีสันที่ดูจัดจ้านขึ้นที่มองผ่าน ๆ กลับทำให้เรานึกถึงภาพของฤดูร้อน แต่ถ้าวิเคราะห์กันดี ๆ แล้ว สีสันพวกนี้เป็นสัญลักษณ์ของอิสระ การได้ปลดแอกความจำเจบางอย่าง ได้หวนกลับไปนึกถึงความสุข ณ ช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่ง ซึ่งยกระดับชุดความคิดและภาพจำเดิม ๆ ของหน้าหนาวที่แสนน่าเบื่อ ให้กลับกลายมีชีวิตชีวา สดใส และถือว่าเป็นการเริ่มต้นใหม่ในฤดูกาลได้อย่างสวยงาม