Take a deep breath = Exercises

การออกกำลังกายคือนิยามของการกิจกรรมที่ทำให้ร่างกายของคุณแข็งแรงและการหายใจลึก ๆ ก็คือหนึ่งในกิจกรรมเหล่านั้น ถึงแม้ว่าเราจะหายใจเข้าออกกันจนเป็นปกติอยู่แล้วก็ตามแต่เรากลับลืมที่จะสูดหายใจกันให้ลึก ๆ สุดปอดกันอย่างเป็นประจำไป แล้วถ้าคุณเริ่มสงสัยว่ามันมีผลดีกับร่างกายของคุณมากขนาดไหนล่ะก็เราจะเล่าให้คุณฟังเดี๋ยวนี้เลย

 คนที่ประสบความสำเร็จส่วนใหญ่มักจะหายใจลึก ๆ การวิจัยมีผลออกมาแล้วว่าการหายใจให้ลึก ๆ นั้นช่วยให้คุณรับมือกับความเครียดได้ดีขึ้น คุณจะเริ่มจัดการกับอารมณ์และสร้างความสงบภายในใจได้ง่ายขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อคุณได้ฝึกหายใจให้ลึกบ่อย ๆ และนานไปมันมีผลต่อไอเดีย ความคิดสร้างสรรค์ของคุณได้อีกด้วย เพราะโดยปกติคนเราจะหายใจตื้นมากให้เห็นภาพชัดขึ้นก็เหมือนหายใจเข้าไปได้แค่ 1 ส่วน 3 ของความลึกที่มีเท่านั้น ทำให้ในบางครั้งร่างกายของคุณจึงได้รับออกซิเจนไปเลี้ยงร่างกายน้อยเกินไปนั่นเอง ยิ่งตอนที่กำลังเครียดการหายใจของคุณจะถี่ขึ้นแต่ลึกน้อยลงนั่นยิ่งทำให้คุณเจอกับอาการไม่พึงประสงค์ต่าง ๆ ทั้งปวดหัว เวียนหัว หน้ามืด จะเป็นลมกันได้เลยนั่นเอง

 

แล้วถ้าอยากจะฝึกหายใจให้ลึกขึ้นควรทำอย่างไร?

ขั้นตอนที่ง่ายและเร็วที่สุดคือเทคนิคการหายใจลึกในแบบพื้นฐานที่เราได้หยิบมาให้คุณลองฝึกกันในวันนี้ถ้าพร้อมแล้วนั่งให้สบายแล้วมาลองทำตามเราเลยดีกว่า

1. หายใจเข้าทางจมูกอย่างช้า ๆ นับ 1 จนถึง 5 และรู้สึกได้ชัดเจนเลยว่าท้องของคุณเกิดการขยายตัวขึ้นแล้ว

2. กลั้นลมหายใจเอาไว้ด้วยการนับ 1 จนถึง 6 อย่างช้าๆ

3. ค่อยๆปล่อยลมหายใจออกทางปากโดยนับให้ได้ 1 จนถึง 7

4. ทำ Step เหล่านี้วนไปเท่าที่คุณมีเวลาพอหรือจนกว่าคุณจะรู้สึกเบาสบายสงบและนิ่งมากขึ้น

ขอเรียกวิธีการหายใจนี้ว่าเป็น Step 5 6 7 เพื่อให้ง่ายต่อการจำเพราะคุณจะเริ่มด้วยการหายใจเข้า 5 กลั้นหายใจ 6 และหายใจออก 7 นั่นเองการฝึกหายใจแบบนี้อย่างเป็นประจำอย่างแรกเลยคือร่างกายของคุณจะได้รับออกซิเจนมากขึ้นส่งผลให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้นไปตามลดความเสี่ยงโรคความดันสูงได้ดีและยังช่วยเพิ่มสมาธิลดความเครียดปลดปล่อยความคิดสร้างสรรค์ให้คุณได้อีกด้วย

 

 

ถ้าคุ้นเคยกับการหายใจลึก ๆ แบบพื้นฐานแล้วควรทำอย่างไรต่อ?

ยังมีวิธีการฝึกหายใจอีกหลากหลายแบบทั้งแบบ Sama Vritti คือการกำหนดลมหายใจเข้าออก , การฝึกหายใจด้วยกล้ามเนื้อส่วนกระบังลม , Nadi Shodhana คือการฝึกหายใจแบบสลับจมูก , Kapalabhati คือการหายใจแบบให้สมองโล่ง , การหายใจให้เกิดความผ่อนคลายแบบก้าวหน้าและสุดท้ายการผ่อนคลายแบบใช้จินตนาการ

วิธีทั้งหมดที่ได้ยกตัวอย่างข้างบนนี้เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมแต่จำเป็นที่จะต้องผ่านการฝึกฝนและได้รับคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้คุณทำทุกขั้นตอนอย่างถูกต้องเพราะบางครั้งถ้าคุณลองฝึกเองอาจจะทำแต่ละขั้นตอนมากไปน้อยไปและไม่รู้ถึงผลกระทบของมันนั่นเอง

ต่อไปเราอยากให้คุณได้ลองนำ Step 5 6 7 ที่เราแนะนำกันไปในวันนี้ไปลองใช้ในชีวิตประจำวันกันดูเพื่อที่จะทำให้การหายใจของคุณมีประโยชน์กับร่างกายมากขึ้นและเป็นเหมือนการออกกำลังกายไปในตัวแม้คุณจะนั่งอยู่กับที่ก็ตาม…มาเริ่มดูแลสุขภาพง่าย ๆ จากการฝึกหายใจให้ลึก ๆ กันดีกว่า