Chang Unpasteurized

BY KV

  • 07 ธันวาคม 2565
  • 6,462

 เข้าสู่ช่วงฤดูหนาวของไทยที่เที่ยวยอดนิยมคงไม่พ้นเที่ยวภูเขา โดยเฉพาะภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายถือเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวของใครหลายคน รวมทั้งการเฉลิมฉลองในช่วงโอกาสพิเศษที่เกิดขึ้นได้ทุกวัน ช้างจึงได้ถือโอกาสพิเศษนี้สร้างเซอร์ไพรซ์ให้ตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และนักดื่มเบียร์ชาวไทย เปิดตัวนวัตกรรมเบียร์รูปแบบใหม่ “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” เบียร์ที่จะเปิดประสบการณ์สดใหม่เฉพาะที่จังหวัดเชียงใหม่และเชียงรายเท่านั้น

 

สำหรับ “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” เป็นนวัตกรรมเบียร์รูปแบบใหม่ มาพร้อมกับ 3 ความโดดเด่น ได้แก่

1) ครั้งแรกของนวัตกรรมเบียร์ที่โดดเด่นด้วยกระบวนการผลิตที่ไม่ผ่านความร้อน (Unpasteurized) เพื่อคงความหอมและสดใหม่

2) ครั้งแรกของนวัตกรรมเบียร์ที่ผลิตด้วยกระบวนการไนโตรจิเนชัน (Nitrogenation) เพื่อให้อณูฟองที่ละเอียดและนุ่ม และ 

3) ครั้งแรกของระบบการขนส่งพิเศษแบบโคลด์เชน (Cold Chain) ควบคุมอุณหภูมิให้ไม่เกิน 4 องศาเซลเซียส ตลอดการขนส่งตรงจากโรงงานจังหวัดกำแพงเพชรถึงร้านอาหารและโรงแรมในจังหวัดเชียงใหม่และเชียงราย ภายในเวลา 4 - 6 ชั่วโมง เพื่อคงรสชาติอันเป็นเอกลักษณ์ของช้าง อันพาสเจอไรซ์ให้ถึงมือผู้บริโภค มาพร้อมขวดทรงแชมเปญพรีเมียมสีเขียว ขนาด 1.5 ลิตร สำหรับโอกาสพิเศษในทุกวัน  

 

 

เพื่อฉลองความพิเศษในครั้งนี้ “ช้าง” จึงจัดงานเปิดตัว “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” ครั้งแรกของประเทศไทยที่จังหวัดเชียงใหม่ให้ทุกคนได้สัมผัสกับประสบการณ์ความสดใหม่ ด้วยภาพลักษณ์แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน ณ โรงแรมเลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ ภายงานงานได้รวมความพิเศษต่าง ๆ ไว้ ทั้งเมนูอาหารสุดพิเศษที่รังสรรค์ออกมาในรูปแบบ Northern Fusion Fine Dining เพื่อทานคู่กับ ช้าง อันพาสเจอไรซ์ พร้อมมินิคอนเสิร์ตจาก “นิว-จิ๋ว” สองสาวดูโอดีวาแห่งเชียงใหม่ ที่มายกระดับความพิเศษให้กับงานเปิดตัวในครั้งนี้

 

 

 

สำหรับอาหารจานพิเศษเพื่อทานคู่กับ “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” ในครั้งนี้ เชฟเมย์ พัทธนันท์ ธงทอง Top Chef Thailand รวมทั้ง Executive Chef และหุ้นส่วนร้าน Maze Dining ที่ได้รับการแนะนำในมิชลินไกด์ ได้คิดค้นอาหารจานพิเศษสำหรับโอกาสพิเศษในครั้งนี้ โดยนำเมนู Signature มารังสรรค์เป็นอาหารเหนือในรูปแบบ Northern Fusion Fine Dining ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากความโดดเด่นทั้ง 3 ด้านของ “ช้าง อันพาสเจอร์ไรซ์” ทำให้ทุกเมนูพิเศษยิ่งขึ้น โดยได้ผสานความเป็นพื้นเมืองและความทันสมัย นำเทคนิคการปรุงพิเศษ ใช้วัตถุดิบและรสชาติที่เป็นอัตลักษณ์ของภาคเหนือ ไปจนถึงรูปแบบการจัดจานและกิมมิคที่น่าประทับใจ

 

 

เริ่มต้นจานแรกด้วยอาหารเรียกน้ำย่อย (Appetizer) ที่รังสรรค์ขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจากกระบวนการผลิตของเบียร์ที่ไม่ผ่านความร้อน (Unpasteurized)  ของเบียร์ “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” เชฟจึงนำปลาทูน่าระดับพรีเมียมและเนื้อคุณภาพดี มานำเสนอในเมนู ส้าจิ้น อาหารพื้นบ้านล้านนา ในแบบฉบับ Creative cuisine เพื่อตอบโจทย์ความสดใหม่และคงรสชาติที่หอมอร่อยของวัตถุดิบได้ดีที่สุด ออกมาเป็นเมนูปลาทูน่าคลุกพริกลาบเหนือและน้ำสมุนไพร สลัดมะเขือเทศดอง และพล่าเนื้อสันในย่างคลุกพริกลาบเหนือน้ำยำสมนุ ไพรและสลัดมะเขือเทศดอง

 

 

อร่อยแบบ Fine Dining ต่อกับอาหารจานหลัก (Main Course) ที่ได้แรงบันดาลใจจากการเพิ่มกระบวนการไนโตรจิเนชัน (Nitrogenation) ของ “ช้าง อันพาสเจอไรซ์” เชฟจึงนำเสนอเมนูอาหารเหนือท้องถิ่นที่ยกระดับให้มีความประณีตขึ้นด้วยกรรมวิธีที่ละเอียดอ่อนและทันสมัย ตกแต่งด้วยโฟมสมุนไพรที่สื่อถึงความนุ่มนวลของฟองและกลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์ รับประทานพร้อมปลาแซลมอนและเนื้อซี่โครงวากิว  ออกมาเป็นเมนู สเต็กปลาแซลมอนกงฟี ซอสแกงปลาไวน์ขาว เฟนเนลผัดน้ำมันมะกอก และโฟมสมุนไพร และ
เนื้อซี่โครงวากิวตุ๋นเบียร์ ซอสไวน์แดง น้ำพริกข่า ผักย่าง และโฟมสมุนไพร 

 

 

ปิดท้ายแบบ Perfect Dining ด้วยเมนูของหวาน (Desserts) สุดครีเอทชื่อหอมชวนดม กุหลาบเวียงพิงค์ หรือ Lanna Ispahan เมนูขนมหวานสไตล์ฝรั่งเศสที่ทำมาจากวัตถุดิบของไทยเป็น Ispahan เวอร์ชั่นล้านนา โดยนำดอกกุหลาบออแกนิคจากเมืองพร้าว มาผ่านการบวนการแช่ไนโตรเจนเหลว เพื่อให้เกิดความเย็น ก่อนนำมาตกแต่งลงบนจาน เสริมความ Perfect ด้วยกิมมิคที่ให้โรยกลีบกุหลาบแช่แข็งบนเมนูเพื่อทานคู่กับขนมหวาน ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจจากกระบวนการขนส่งระบบ Cold Chain ที่ต้องควบคุมอุณหภูมิให้ไม่เกิน 4 องศาเซลเซียส เป็นครั้งแรกในประเทศไทย

 

 

จากความโดดเด่นทั้ง 3 ด้านของช้าง อันพาสเจอไรซ์ รวมทั้งความพิเศษของทั้ง 3 เมนูอาหารจากการรังสรรค์ของเชฟเมย์ รวมไปถึงมินิคอนเสิร์ตพิเศษจากสองสาวดูโอดีวา “นิว-จิ๋ว” สามารถการสร้างประสบการณ์สดใหม่ให้ผู้ที่มาร่วมงานได้อย่างแท้จริง