6 Ways To Protect Your Eyes In The Office

BY Poy T.

  • 15 ตุลาคม 2561
  • 2,512

ถือว่าเป็นเรื่องที่เลี่ยงกันได้ยากพอสมควรเลยกับการทำงานในยุคปัจจุบันที่แน่นอนเลยว่าส่วนใหญ่แล้วต้องทำงานอยู่ที่หน้าจอ ใช้สายตาวนอยู่กับสมาร์ทโฟน หรือจะดีหน่อยก็คงต้องอ่านเอกสารเป็นกองอยู่ดี

ในเมื่อหยุดทำงานก็ไม่ได้แต่ก็สามารถรู้สึกได้เลยว่าดวงตาของคุณอ่อนล้าเต็มที่แล้วหรือถ้าบางคนอาจจะยังไม่ค่อยแน่ใจว่าอาการแบบไหนกันแน่ที่ถือเป็นสัญญาณที่ดวงตาส่งมาขอความช่วยเหลือจากคุณวันนี้เราจะมาลองทั้งจับสัญญาณความช่วยเหลือที่ดวงตาอยากจะบอกคุณว่า “ไม่ไหวแล้วดูแลเราที” และวิธีดูแลรักษาและช่วยดวงตาของคุณเอาไว้อย่างทันท่วงทีมาฝากกันด้วย

 

อาการแบบไหนที่ดวงตากำลังส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ

 

1. ปวดตา เริ่มต้นด้วยอาการเบสิคที่สุดกันก่อนเลยนี่คืออาการแรกที่จะทำให้คุณเริ่มสนใจว่าดวงตาของคุณเริ่มผิดปกติและทำงานแบบเดิมไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว และมันก็คือความจริงอาการปวดตาไม่ใช่เรื่องปกติที่ควรจะเกิดและคุณก็เริ่มหันมาใส่ใจดวงตาของคุณกันให้มากขึ้นแล้วเช่นเดียวกัน

  

 

2. แสบตาหรือระคายเคืองตา โดยที่ไม่จำเป็นต้องเจอฝุ่นละอองหรืออะไรเข้าตาของคุณเลยแต่อยู่ ๆ ก็เกิดแสบเคืองตาขึ้นมาเอาเฉยๆ กระจกตาของคุณอาจจะกำลังเจอกับปัญหาเข้าแล้วทางที่ดีอย่าเพิ่งเกาตาและรีบพาตัวเองไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุดจะดีกว่าก่อนที่มันจะลุกลามจนเกินแก้ไขและคุณอาจจะต้องมาเสียใจทีหลังที่ลืมดูแลมันให้ดีก่อน

  

 

 

3. รู้สึกว่าทนกับแสงแบบเดิมๆ ไม่ไหว นี่คืออาการที่เหล่า Office Man ส่วนใหญ่น่าจะเจอกันแทบทุกรายที่อยู่ ๆ ตาของคุณที่เคยจ้องหน้าจอกันแบบทั้งวันทั้งคืนอยู่ ๆ ก็เกิดรู้สึกเหมือนตามันสู้แสงไม่ไหวไปเสียแบบนั้น แน่นอนว่ามันคือความผิดปกติและคุณไม่ได้คิดไปเองคุณต้องเริ่มหันมาดูแลดวงตาของคุณกันแล้วเช่นกัน

  

 

4. ปวดหัว ปวดต้นคอ ปวดบริเวณเบ้าตา นี่คืออาการที่แสนทรมานและกวนใจคุณได้ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่มันอาจจะทำให้คุณหลงประเด็นไปได้ว่าคุณนอนผิดท่าหรือออกกำลังกายแรงไปหรือเปล่าจึงทำให้ปวดเมื่อยแล้วก็หมั่นไปนวดซึ่งแน่นอนว่ามันหายแต่ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้น ถ้าปัญหาเหล่านี้ของคุณเริ่มต้นที่ดวงตาคุณก็ยังจะต้องเจอกับอาการปวดเมื่อยล้าเหล่านี้ต่อไป มาเริ่มแก้ไขปัญหาให้ถูกจุดกันดีกว่า

  

 

เจอสัญญาณขอความช่วยเหลือแล้วต่อไปมาเริ่มช่วยเหลือดวงตาของคุณกัน

1. อาหารดีมีชัย

มาเริ่มกันที่จุดเริ่มต้นที่น่าจะง่ายสำหรับใครหลาย ๆ คนแต่อาจจะต้องกล้าลงทุนกันหน่อย…มา! มาเริ่มรู้จักกับอาหารตากันดีกว่าว่าตาของคุณควรได้กินอะไรกันบ้าง

   

- Lutein มาเริ่มกิน Lutein ให้เป็น Routine กันดีกว่าเพราะนี่คือสารต้านอนุมูลอิสระที่หลาย ๆ คนชอบเรียกกันว่าเป็นอาหารตาชั้นดีกันเลยทีเดียว แล้วจะหาได้จากไหนก็ตอบไม่ยากเลยเพราะคุณจะสามารถพบปะกับ Lutein ได้ในผักใบเขียว ไข่แดง ส้ม ผักสีส้ม พอกินอะไรประเภทนี้เข้าไปมันก็จะเริ่มเคลื่อนไปส่วนต่าง ๆ ของร่างกายคุณและที่สำคัญที่สุดมันชอบแวะไปทักทายตาของคุณมากที่สุดนั่นเอง


- Zeaxanthin นี่คือสารอาหารที่ชอบพาตัวเองไปหาดวงตามากที่สุดและมีส่วนสำคัญในการปกป้องเลนส์ตาและช่วยทำให้การมองเห็นของคุณคมชัดขึ้นพร้อมสู้แสงได้มากกว่าที่เคยและช่วยลดความผิดปกติอย่างต้อกระจกให้คุณได้เป็นอย่างดี หากินได้ง่าย ๆ เพราะมันชอบอยู่กับผักและผลไม้อย่างเช่น ข้าวโพด สาหร่ายสไปรูริน่า ไข่แดง ส้ม เอาจริง ๆ ว่า Zeaxanthin ก็เหมือนเป็นพี่น้องกับ Lutein นั่นเอง

  

- Vitamin C นางเอกของทุกงานจริงๆ กับวิตามินตัวนี้และคราวนี้มันก็พร้อมจะกลับมาช่วยเหลือดวงตาของคุณอีกครั้ง เพราะนอกจากจะช่วยป้องกันหวัดให้คุณได้เป็นอย่างดีแล้วนั้นวิตามินซีเองก็มีส่วนสำคัญในการช่วยปกป้องการมองเห็นของคุณให้คมชัดและยังเป็นตัวช่วยที่ดีที่จะทำให้ร่างกายของคุณดูดซับวิตามินและแร่ธาตุอื่น ๆ ได้ดีขึ้นอีกด้วย


- Vitamin A จะขาดไม่ได้เลยถ้าคุณอยากดูแลและบำรุงดวงตายังไงก็ต้องจัดวิตามินตัวนี้มาไว้ใกล้ ๆ ตัวคุณเพราะวิตามินเอมีส่วนช่วยสำคัญในการโรคต้อหินและโรคตาบอดตอนกลางคืนและยังช่วยป้องกันอาการของโรคเบาหวานขึ้นตาได้ดีอีกด้วย

 

2. หยุดสูบบุหรี่กันได้แล้ว

พอคุณเครียดจากการทำงานและเลือกพุ่งตรงไปหาไฟแช็กและจุดบุหรี่ของคุณเพื่อผ่อนคลายนั้นเราเข้าใจดีถึงความเครียดจากการทำงานที่คุณต้องเจอแต่ก็อยากจะให้คุณลองฝืนและเลือกวิธีคลายเครียดแบบอื่นๆดูแล้วหันมาอินเทรนสุด ๆไปกับการเลิกบุหรี่กันแล้วเพื่อไม่ให้บุหรี่มาทำร้ายทั้งตัวคุณและคนรอบข้างและที่สำคัญประเด็นในวันนี้ก็คือไม่ให้การสูบบุหรี่มาทำร้ายดวงตาของคุณนั่นเองหลายคนอาจจะมีคำถามว่าการสูบบุหรี่มันจะทำร้ายดวงตาของคุณได้อย่างไรคำตอบก็คือการสูบบุหรี่มีผลทำให้คุณถึงขั้นตาบอดได้เลยทีเดียวเพราะมันสามารถไปทำลายจอประสาทตาของคุณให้เสื่อมลงได้

  

แล้วมันมาทำร้ายตรงจุดนี้ของตาคุณได้อย่างไร MetroSociety ก็ขอแถมคำตอบไปพร้อมกับให้คุณจินตนาการตามว่าในเมื่อคุณสูบบุหรี่สารพิษต่างๆ จากมันก็เข้าไปสู่กระแสเลือดแวะไปทำลายอวัยวะต่างๆ ของร่างกายคุณแล้วก็ยังแฝงตัวไปกับเลือดขึ้นไปหาดวงตาของคุณและเมื่อสูบไปนาน ๆ สารพิษเหล่านี้ก็ไปหาดวงตาบ่อย ๆ นี่แหละจึงเป็นสาเกตุที่ทำให้จอประสาทตาของคุณเสื่อมได้และอย่าคิดว่าการสูบบุหรี่ทำร้ายได้แค่ปอดของคุณเท่านั้น

 

 

3. ให้พกแว่นกันแดดเป็นอวัยวะที่ 33

พอกันทีกับความคิดว่าใส่แว่นแล้วจะดูเยอะไปเพราะมันคือการปกป้องสายตาที่ดีวิธีหนึ่งเลยทีเดียวแต่คุณห้ามลืมว่าคุณต้องซื้อเลนส์ที่กันแสงจากรังสี UV กันด้วยนะห้ามใช้ตามแฟชั่นเพราะนอกจากจะไม่ได้ช่วยป้องกันสายตาแล้วยังมีส่วนทำให้สายตาของคุณเสียหนักกว่าเดิมอีกด้วย

  

เพราะการที่คุณสลัดแว่นตากันแดดทิ้งแล้วพร้อมให้ตาของคุณปะทะกับรังสี UV มากจนเกินไปมันก็เป็นเหมือนกับการเชื้อเชิญให้โรคต้อกระจกรีบแวะมาหาคุณยังไงอย่างงั้นเลยทีเดียว ลองหันมาเลือกแว่นตากันแดดที่มีเลนส์สามารถกันรังสี UVA และ UVB ตั้งแต่ 99% ถึง 100% กันดีกว่า และถ้าจะให้น้อยที่สุดที่คุณจะต้องใส่แว่นกันแดดก็ขอให้เป็นช่วงเวลาขับรถของคุณนั่นแหละเหมาะที่สุดแล้ว อย่าลืมที่จะใส่ใจดวงตาคุณตั้งแต่วันนี้แล้วถ้าเกิดคุณเลือกแว่นกันแดดถูกทรงกับใบหน้าของคุณแล้วล่ะก็รับรองว่าได้ทั้งปกป้องตาและความเท่ห์สมาร์ทในเวลาเดียวกันเลยทีเดียว

 

4. มีระยะห่างกับเหล่าหน้าจอกันหน้า

การมีระยะห่างที่พอดีนั้นรับรองได้เลยว่าเป็นผลดีกับทุกอย่างตั้งแต่เรื่องของความสัมพันธ์มาจนถึงในเรื่องของการปกป้องดวงตาเลยทีเดียวเพราะที่คุณต้องทำงานกับหน้าจอเป็นเวลานานๆนั้นสิ่งที่ควรจะเป็นและถูกต้องนอกจากโต๊ะเก้าอี้และหมอนรองที่เหมาะสมกับสรีระของคุณแล้วยังมีเรื่องของระยะห่างกับหน้าจอคอมพิวเตอร์เข้ามาอีกและระยะห่างที่คุณควรให้หน้าจออยู่ก็คือบริเวณระดับสายตาให้พอดีกับเก้าอี้แล้วจากนั้นก็วางตัวของคุณให้ห่างจากหน้าจอประมาณ 70 เซนติเมตรโดยประมาณและถ้าเป็นไปได้อยากให้คุณพยายามเลือกหน้าจอเป็นแบบ LED เพื่อช่วยลดการสะท้อนของเงาและยังช่วยถนอมสายตาของคุณได้อีกทางหนึ่งด้วย

   

 

5. ท่องให้ขึ้นใจกับกฎ 20-20-20

เริ่มจากทุก 20 นาทีของการทำงานให้คุณพักสายตาจากหน้าจอแล้วหันไปมองทางอื่นกันดูบ้างถ้าจะให้ดีพยายามมองหาธรรมชาติสีเขียวๆและมีระยะห่างจากสายตาของคุณประมาณ 20 ฟุตจ้องค้างไว้แบบนั้นประมาณ 20 วินาทีหรือถ้าไม่มีบริเวณให้คุณมองแล้วสบายตาก็ให้เลือกหลับพักสายตาประมาณ 20 วินาทีแทนก็ได้นี่ก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สามรถช่วยให้สายตาของคุณผ่อนคลายได้รวมทั้งความเครียดจากการทำงานของคุณก็จะลดน้อยลงไปตามด้วยเช่นกัน

  

 

6. อย่าลืม! แวะไปหาจักษุแพทย์เป็นประจำ

ไม่ต้องรอจนคุณมีอาการแปลก ๆ หรือผิดปกติกับตาก่อนแล้วค่อยไปหาคุณหมอเพราะการที่คุณเลือกไปตั้งแต่ยังรู้สึกว่าตายังปกตินี่แหละดีที่สุดเพื่อเป็นการตรวจเช็คไปเรื่อยๆและหากครั้งไหนมีอาการผิดปกติจะได้รักษาได้อย่างทันท่วงทีและยังถือว่าในแต่ละครั้งที่ไปก็จะได้รับคำปรึกษาในเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับดวงตาและสายตาเพื่อกลับมาดูแลดวงตาของคุณให้เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคุณกันอีกด้วย

    

ดวงตาของคุณมีคู่เดียวเท่านั้นจะหามาแทนก็คงจะยากเพราะแม้ตอนนี้เทคโนโลยีทางการแพทย์จะก้าวหน้าไปจนถึงขั้นของการสามารถเปลี่ยนดวงตากันได้แล้วก็ตามแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะหาดวงตาที่เข้ากันเจอและคิดว่าใครก็คงไม่อยากจะเปลี่ยนตาเพราะมันไม่ได้รู้สึกดีเหมือนการถอยรถใหม่อย่างแน่นอนดูแลตั้งแต่วันนี้เก็บดวงตาของคุณเอาไว้ไปเห็นอะไรที่สวยงามที่ยังรอให้คุณไปพบเจอกันดีกว่า